
บทความก่อนผมได้พูดถึง การทำ SEO คืออะไร ไปแล้ว ซึ่งถือเป็นพื้นฐานสำคัญที่ผู้เริ่มต้นศึกษา SEO จำเป็นที่จะต้องรู้จักและเข้าใจ ซึ่งท่านจะสังเกตได้ว่าผมได้กล่าวถึงสิ่งที่เรียกว่า Blacklink หรือการพูดถึงเกี่ยวกับเว็บของเราจากอีกเว็บหนึ่ ผ่านการลิงค์เข้ามา แต่จริงๆแล้ว Backlink นั้นมีมากกว่านั้น เเละในบทความนี้เราจะมาทำความรู้จักกันว่า Backlink คืออะไรและสำคัญอย่างไรกับการทำ SEO
Backlink คืออะไร?
Backlink นั้นอย่างที่ได้กล่าวไปข้างต้นคือการที่เว็บใดเว็บหนึ่งลิงค์มาหาเว็บของเรา ซึ่ง Backlink ได้จัดอยู่ในการทำ SEO ที่เรียกว่าการทำเเบบ Off-Page SEO หรือการทำ SEO โดยใช้ปัจจัยจากข้างนอกเว็บของเรา หลักๆเลยของการทำ Off-Page SEO ก็จะมีการทำ Backlink และ Social Signals นอกไปจากนี้ ก็ยังมีการทำ On-Page SEO หรือ การทำ SEO โดยใช้ปัจจัยบนตัวเว็บไซต์ของเราด้วย
Backlink นั้นก็จะมีหลากหลายรูปแบบ เช่นการลิงก์แบบเป็นตัวหนังสือหรือ Text Link การลิงก์แบบรูปภาพหรือ Image Link หรือแม้กระทั่ง การลิงก์แบบเฟรม ซึ่งทั้งหมดล้วนนี้แล้วคือการกล่าวถึงเว็บของเราในรูปแบบต่างๆผ่านการเชื่อมต่อโดยการลิงก์
Backlink มี 2 เเบบ คือ DoFollow และ NoFollow
- DoFollow คือการที่เว็บนั้นๆ ส่ง Backlink หาเว็บของคุณ โดยที่เขาส่งต่อประโยชน์จาก SEO มาให้คุณด้วย ซึ่งโดยส่วนมากแล้ว ถ้าเว็บนั้นๆ พูดถึงคุณภาพในบทความของเขา คุณก็น่าจะได้ DoFollow Link กลับมา
- NoFollow คือการที่เว็บนั้นๆ ส่ง Backlink หาเว็บของคุณ โดยที่เขาไม่ได้ส่งต่อประโยชน์จาก SEO มาให้คุณด้วย โดยปกติแล้วลิงก์ที่เป็น NoFollow จะเป็น Link ในส่วนของคอมเมนต์ ลิงก์จากเว็บไซต์ Social Media ต่างๆ
Backlink สำคัญอย่างไร?
Backlink นั้นถือว่าสำคัญมากใน SEO สำคัญขนาดที่ว่าทาง Google ได้ระบุไว้ชัดเจนในเอกสารว่า Backlink นั้นเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ช่วยในการติดอันดับของเว็บไซต์ได้ โดยเราสามารถเปรียบเทียบ Backlink เหมือนกับการโหวตบนอินเทอร์เน็ต หากเว็บไซต์ใดเว็บไซต์หนึ่งมีจำนวนการโหวตหรือในที่นี้คือจำนวน Backlink ที่มากกว่า ก็ย่อมมีโอกาสสูงกว่าที่จะติดอันดับได้ดีเพราะเว็บไซต์ที่มี Backlink เยอะก็เท่ากับว่ามีความสำคัญเยอะกว่าเพราะมีการพูดถึงมาก
แต่หลายๆปีที่ผ่านมานี้ความสำคัญของ Backlink ได้ลดลงไปมาก โดยจำนวนนั้นไม่ใช่ปัจจัยหลักอีกต่อไปแต่เป็นที่คุณภาพของ Backlink โดยเมื่อพูดถึงคุณภาพกันแล้วหลักๆเลยก็มี 3 ปัจจัยดังนี้
- ความเกี่ยวข้องของเว็บไซต์ที่ลิงค์มาหาเรา (Relevance)
- ความมีชื่อเสียงของเว็บไซต์ที่ลิงค์มาหาเรา (Authority)
- ความน่าเชื่อถือของ Backlink (Trust)
แต่หากจะสรุปง่ายๆว่า Backlink นั้นสำคัญที่สุดในการทำ SEO มั้ย คำตอบก็คืออาจจะไม่ แต่ก็ถือเป็นปัจจัยต้นๆเลยครับ
Backlinks มีกี่ประเภท อะไรบ้าง?
โดยหลักๆ backlinks นั้นเเบ่งออกเป็น 3 ประเภทด้วยกัน ดังนี์
1. Natural Editorial Links
Editorial Links เป็น Backlink ที่ไม่ต้องเสียเงินซื้อ ซึ่งเกิดจากเนื้อหาในเว็บของเราดีและมีประโยชน์ แล้วจึงมีเว็บไซต์อื่นทำการอ้างอิงเนื้อหา เขียนถึงและทำลิงค์กลับมาให้ ยิ่งถ้าหากเป็น Backlink ที่กลับมาจากกลุ่มเว็บไซต์ที่มีความน่าเชื่อถือเช่น เว็บไซต์สถาบันการศึกษา เว็บไซต์ราชการ เว็บไซต์ wiki ต่างๆ และมีเนื้อหาที่สัมพันธ์กับเว็บไซต์ของเรา ก็จะมีโอกาสที่จะทำให้หน้านั้นของเราได้คะแนะที่ดีขึ้นในการจัดอันดับ
2. Manual Backlinks
Manual Backlinks คือ Backlink ที่ได้มาจากการที่เราใช้ความพยายามในการสร้าง Link หรือ Link Buidling โดยการติดต่อไปยังเว็บไซต์อื่น เพื่อขอให้เค้าทำการลิงค์มาหาเรา โดยการที่เว็บอื่นจะลิงค์มาหาเรา ก็ขึ้นอยู่กับเนื้อหาของตัวบทความของเรา คุณภาพของเนื้อหา และความเหมาะสม โดยการทำแบบนี้ก็จะช่วยให้เรามีโอกาสได้ Backlink มากขึ้นในระยะเวลาที่สั้นลง
3. Non-Editorial
วิธีการสร้างลิงก์ในแบบที่ 3 นี้ส่วนใหญ่เป็นพวกที่ทำ Black Hat SEO หรือการทำ SEO สายดำ ที่ Google ได้ระบุไว้อย่างชัดเจนว่าไม่ควรทำ ซึ่งคุณภาพลิงค์ที่ได้เพราะอาจไม่เพียงพอในการช่วยติดอันดับ โดยลิงค์ในประเภทนี้ก็จะมาในรูปแบบต่างๆ ไม่ได้อยู่ในตัวเนื้อหา เช่น คอมเมนต์ในบล็อกต่างๆ การสร้าง profile ในเว็บไซต์อื่นๆ แล้วส่งลิงก์กลับมาหาเว็บไซต์ของตัวเอง เป็นต้น
วิธีการสร้าง Backlink หรือ Link Building

หากมองกันดีๆบนอินเทอร์เน็ต การที่เราจะได้แบ็คลิงค์มาเองนั้น ค่อนข้างที่จะยากมาก ดังนั้นหากเราต้องการประสบความสำเร็จในการทำ SEO เราจะต้องทำการสร้าง Backlink
Link Building หรือการสร้าง Backlinks คือ วิธีการทำให้ลิงก์จากเว็บไซต์อื่นเข้ามายังเว็บไซต์ของเรา โดยเป็นลิงค์ที่ไม่ได้เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ หรือบางคนเรียกว่า Manual Backlinks ที่กล่าวไปข้างต้นนั้นเอง โดยในบทความนี้ ผมจะมาเเนะนำการสร้าง Backlink เเบบสายขาวกัน
1. การสร้างลิค์ ด้วยเทคนิคการทำ Guest Posting
การทำ Guest Posting นั้นก็คือการที่เราเขียนบทความหรือเนื้อหาที่เป็นประโยขน์ต่อเว็บไซต์อื่น เพื่อเเลกกับแบ็คลิงค์ ซึ่งวิธีการสร้างลิงค์เเบบนี้นั้น ปัจจุบันได้เป็นที่นิยมเเพร่หลายกันมาก เนื่องจากค่อนข้างที่จะปลอดภัยกว่าการใช้ลิงค์จาก PBN (Private Blog Network) เเละคุณภาพของลิงค์ที่ได้นั้น ค่อนข้างจะดีเลยทีเดียว เพราะเป็นลิงค์ที่ได้มาจากเว็บไซต์จริง
2. การสร้างลิค์ ด้วยการทำ Infographics
Infographics คือ ภาพกราฟฟิคที่อธิบายเนื้อหาต่างๆ ที่อาจมีความซับซ้อน ให้มีความน่าสนใจมากขึ้น ผ่านภาพต่างๆ ซึ่ง Infographics นั้นจะช่วยทำให้หน้าเว็บมีความสวยงาม เเละเป็นประโยชน์ต่อผู้อ่าน โดยหลักการสร้างลิงค์ด้วย Infographic นั้น ก็คล้ายๆกับการทำ Guest Posting เพียงเเต่สิ่งที่ต้องเพิ่มเติม นอกจากภาพที่จะต้องส่งให้เว็บไซต์อื่นเเล้ว ก็คือ ตัว Link Iframe นั้นเอง
3. การสร้างลิค์ ด้วยการใช้ Influencer
Influencer หรือผู้มีชื่อเสียงบน Social Media นั้น ก็เป็นอีกหยึ่งช่องทางโปรโมตเนื้อหา เพื่อสร้าง Backlink ได้ โดยหลักการง่ายๆ คือ การจ้าง Influencer เหล่านี้ เพื่อทำการโปรโมตคอนเทนต์ของท่านบนสื่อโซเชียล เพื่อเพิ่มโอกาสการบอกต่อกัน หรือ เเชร์เนื้อหา เเละเข้าถึงหมู่คนที่อาจทำการลิงค์หาคุณได้มากขึ้น
การเช็ค Backlink
การเช็ค Backlinks นั้นถือว่าสำคัญมาก เนื่องจากเราจำเป็นต้องรู้ว่า ตอนนี้นั้น เว็บไซต์ของเราได้รับ Backlinks มาจาที่ไหนบ้าง คู่เเข่งเรามีลิงค์ที่ดีกว่ามั๊ย ซึ่งทั้งหมดนี้ ล้วนสำคัญต่อการตัดสินใจของเรา ว่าเราควรจะสร้างลิงคืเพิ่ม หรือเอาออก เพราะ Backlink ที่ไม่ดี อาจมีผลกระทบในเเง่ลบได้
วิธีการเช็ค Backlinks นั้นมีสองวิธี คือใช้เครื่องมือเเบบฟรี เเละเครื่องมือเเบบเสียเงิน
1. วิธีการเช็ค Backlinks เเบบฟรี
การเชคลิงค์เเบบฟรีนั้น สามารถทำได้โดยใช้เครื่องมือออนไลน์ต่างๆ เช่น Small SEO Tools, SEO Review Tools เป็นต้น เเต่เครื่องมือที่ดีที่สุด คือ Google Search Console ซึ่งจะมีตัวเลือก “Link” ที่ท่านสามารถดู ต่างๆ ที่ชี้มาทางเว็บไซต์เราได้ โดย นั้น จะเเสดงเเค่ 1000 ลิงค์เท่านั้น ซึ่งเครื่องมือเเบบฟรีนั้น ล้วนเเต่มีข้อจำกัดทั้งสิ้น
2. วิธีการเช็ค Backlinks เเบบเสียเงิน
เครื่องมือเช็ค Backlink เเบบเสียเงินนั้น จะมีประสิทธิภาพมากกว่า ซึ่งในตลาดนั้นก็มีหลากหลายให้เลือก เเต่สามตัวที่ผมเเนะนำเลยคือ Ahrefs, Majestic เเละ SEMRush
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ Backlinks
Link Juice คือคำที่ใช้เรียกพลัง หรือค่าของ Backlinks ว่ามีมากหรือน้อยขนาดไหน โดย Backlink เเบบ DoFollow นั้นจะถือว่ามี Link juice ส่วน Backlink เเบบ NoFollow จะถือว่าไม่มี Link Juice
DA/PA คือค่าการวัดพลังของเว็บไซต์ โดยวัดจาก ปริมาณเเละคุณภาพของ Backlink ค่า DA/PA นั้นถูกคิดค้นโดยบริษัท Moz ซึ่งเป็นบริษัทชื่อดังเกี่ยวกับเครื่องมือ SEO โดย DA นั้นย่อมาจาก Domain Authority ซึ่งเป็นค่าความเเกร่งของโดเมนของเว็บ ส่วน PA นั้นย่อมาจาก Page Authority ซึ่งเป็นค่าความเเกร่งของหน้าต่างๆ บนเว็บนั้นๆ โดย ค่า DA/PA นั้น จะวัดจาก 1 ถึง 100